ข่าว
วิสัยทัศน์
ประวัติ โรงเรียน
สหกรณ์โรงเรียน
บรรยากาศกีฬาสี






ประวัติศาสตร์อิสลาม  


ราชวงศ์อุมัยยะฮ.

ก่อนหน้าอะลีจะสิ้นชีวิต มุอาวิยะฮ.ได้อ้างว่าตนเองเป็นเคาะลีฟะฮ.ที่ถูกต้อง หลังจากนั้น ตระกูลอุมัยยะฮ.ของเขาได้มีเคาะลีฟะฮ.ปกครองมุสลิมสืบทอดต่อกันมาถึง 14 คน จนถึง ค.ศ. 750 มุอาวิยะฮ.ได้ย้ายเมืองหลวงของแผ่นดินอิสลามจากมะดีนะฮ.ไปที่ดามัสกัส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของซีเรีย เพราะเขาเคยเป็นผู้ปกครองอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่สมัยของเคาะลีฟะฮ.อุษมาน และผู้สนับสนุนเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย เคาะลีฟะฮ.ในสมัยราชวงศ์อุมัยยะฮ.แต่ละคนจะใช้วิธีการแต่งตั้งญาติใกล้ชิดของตัวเองเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากตน ก่อนที่จะเสียชีวิต ทั้งนี้เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการโต้แย้ง แต่ขณะเดียวกัน การทำเช่นนั้นก็เป็นการสร้างระบบการปกครองด้วยวงศ์ตระกูลขึ้นมา

ในระหว่างการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ. อำนาจของพวกอาหรับได้แผ่ขยายไปทางด้านตะวันตกจนถึงชายแดนของประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน และไปถึงอินเดียทางด้านตะวันออก พวกอาหรับได้สร้างมัสญิดที่มีชื่อเสียงขึ้นมาหลายแห่ง เช่น มัสญิดโดมหิน (Dome of the Rock) ในเมืองเยรูซาเล็ม พวกเขาอนุญาติให้ประชาชนนำปัญหามาปรึกษาและรับฟังคำแนะนำของที่ปรึกษาที่พวกเขาตั้งขึ้น เช่นเดียวกับที่หัวหน้าเผ่าอาหรับในทะเลทรายเคยปฏิบัติกัน พนักงานชาวคริสเตียนของอาณาจักรไบแซนตินที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ จะถูกเลี้ยงดูและจะให้ตำแหน่งสูง ๆ แก่ชาวอาหรับเพื่อเป็นผู้คอยควบคุมพนักงานเหล่านี้ พวกอาหรับได้จัดให้มีระบบไปรษณีย์ขึ้นโดยใช้คนขี่ม้าเร็วไปยังส่วนต่าง ๆ ของแผ่นดินอิสลาม ภาษาอาหรับได้ถูกนำมาแทนภาษากรีกและเปอร์เซีย เหรียญกษาปณ์อาหรับ เช่น เหรียญทองคำดินาร์และเหรียญเงินดิร.ฮัมได้ถูกนำมาใช้ในสมัยนี้เป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ ชาวอาหรับได้ใช้เหรียญของประเทศอื่น นี่เป็นสิ่งที่แสดงว่าการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ.มีความเข้มแข็งมั่นคงกว่าเคาะลีฟะฮ.คนก่อน ๆ

แต่ขณะเดียวกัน ราชวงศ์อุมัยยะฮ.ก็เริ่มละทิ้งกฎระเบียบของอิสลาม คัมภีร์กุรอานมิได้ถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานของกฎหมาย และผู้ปกครองในราชวงศ์นี้มิได้เป็นมุสลิมที่ดีเหมือนกับเคาะลีฟะฮ.ในยุคต้น พวกเขาเริ่มสร้างวังหรูหราไว้นอกเมืองหลายแห่งเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับการล่าสัตว์หรือการดื่มสิ่งมึนเมา และเต้นรำท่ามกลางผู้หญิงสวยงาม กวีและนักดนตรี สภาพเช่นนี้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจต่อการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ. ท้องพระโรงภายในวังของผู้ปกครองในสมัยนี้ปูด้วยหินอ่อนสีขาว กำแพงของมัสญิดถูกตกแต่งด้วยหินอ่อนสีสรรตระการตาและเหนือขึ้นไปก็จะประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีทองและสีอื่น ๆ ที่ตกแต่งเป็นรูปต้นไม้ เมืองต่าง ๆ และตัวอักษรอย่างวิจิตรงดงาม ภาพต้นไม้และเมืองที่มีชื่อเสียงทั้งหลายสามารถพบได้บนผนังสิ่งก่อสร้างเหล่านี้

มุสลิมหลายคนโดยเฉพาะพวกชีอ๊ะฮ.คิดว่าขณะนี้ผู้ปกครองมุสลิมได้หลงลืมอิสลามแล้ว พวกยิวและคริสเตียนที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกอาหรับก็เริ่มไม่พอใจด้วยเช่นกัน คนพวกนี้ไม่พอใจที่พวกตนต้องจ่ายภาษีมากกว่ามุสลิม พวกเปอร์เซียก็เช่นกัน เพราะชาวเปอร์เซียเคยมีประวัติศาสตร์ที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนและคนพวกนี้ไม่พอในที่พวกอาหรับดูถูกพวกตน ขณะเดียวกันทหารอาหรับเร่ร่อนที่เคยต่อสู้ให้ราชวงศ์อุมัยยะฮ.ได้มีอำนาจปกครองก็เริ่มต้นตั้งหลักแหล่งประกอบอาชีพการเกษตร และไม่ต้องการที่จะทำสงครามเพื่อราชวงศ์อุมัยยะฮ.อีกต่อไป

ไม่นานนัก ได้มีชาวอาหรับกลุ่มหนึ่งใช้ความไม่พอใจนี้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้แก่ราชวงศ์อุมัยยะฮ. คนกลุ่มนี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินที่ยึดมาจากอาณาจักรเปอร์เซียและเป็นลูกหลานของอับบาสซึ่งเป็นลุงของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล) คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า อับบาซี คนกลุ่มนี้ได้เริ่มต่อต้านราชวงศ์อุมัยยะฮ.ด้วยการประณามความเลวทรามของผู้ปกครองก่อน หลังจากนั้นก็รวมคนที่สนับสนุนพวกตนขึ้นเป็นกองทัพและโค่นอำนาจการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ. ในการทำสงครามครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 750 พวกอับบาซีได้รับชัยชนะและเมื่อเคาะลีฟะฮ.ถูกฆ่า อำนาจการปกครองมุสลิมของราชวงศ์อุมัยยะฮ.ก็ต้องสิ้นสุด

 
       
ติดต่อ webmaster : dee_krabz@hotmail.com          © Khundee Lamsub (ขุนดี หลำสุบ)
ม.4/3
ม.4/2
ม.4/1
ม.3/4
ม.3/3
ม.3/2
ม.3/1
ม.2/4
ม.2/3
ม.2/2
ม.2/1
ม.1/4
ม.1/3
ม.1/2
ม.1/1