ข่าว
วิสัยทัศน์
ประวัติ โรงเรียน
สหกรณ์โรงเรียน








  จริยธรรมอิสลาม  
  ในการเยี่ยมคนเจ็บใกล้ตาย และการปฏิบัติต่อศพ
          การเยี่ยมคนเจ็บใกล้ตาย และการปฏิบัติต่อศพ ถือเป็นมารยาททางสังคมที่สำคัญอีกประการหนึ่งในอิสลาม เพราะมันเป็นการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่กำลังจะสิ้นชีวิต และบรรดาญาติพี่น้องของคนที่กำลังจะเสียชีวิตด้วย และเนื่องจากสภาพแห่งการสูญเสียนี้ นำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่ครอบครัวผู้ประสบ ดังนั้น อิสลามจึงได้กำหนดมารยาทในการเยี่ยมคนเจ็บใกล้ตาย และการปฏิบัติต่อศพไว้ดังนี้ :-
เมื่อไปเยี่ยมผู้ที่ใกล้จะเสียชีวิต ให้อ่านคำว่า "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ มุฮัมมะดุร ร่อซูลุลลอฮฺ" ด้วยเสียงที่ดังพอได้ยิน อย่ารบเร้าผู้ใกล้จะเสียชีวิตให้อ่านคำดังกล่าว
ท่านศาสดามุฮัมมัด กล่าวว่า "เมื่อท่านนั่งอยู่ข้าง ๆ มุสลิมที่ใกล้จะเสียชีวิต จงอ่านคำกะลิมะฮฺ ชะฮาด๊ะฮฺ ไปเรื่อย ๆ"
ให้อ่านกุรอานซูเราะฮฺยาซีน เมื่อคนไข้กำลังจะหมดลมหายใจ ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่า "จงอ่านซูเราะฮฺยาซีน ข้าง ๆ ผู้ที่ใกล้จะเสียชีวิต" เมื่อผู้ป่วยสิ้นลม อย่าอ่านกุรอานใกล้ผู้ตายจนกว่าจะทำความสะอาดให้ศพแล้ว
ผู้ชายที่มีญะนาบ๊ะฮฺ (ความไม่สะอาดของร่างกายอันเนื่องมาจากมีอสุจิเคลื่อนออกมา และยังไม่ได้ทำการชำระร่างกายตามหลักศาสนา) และผู้หญิงที่มีประจำเดือน ไม่ควรที่จะเข้าใกล้ผู้ตาย
เมื่อเห็นหรือได้ยิน ข่าวการตายให้กล่าวว่า "อินนาลิลลาฮิวะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน" (แท้จริง เราเป็นของอัลลอฮฺ และยังพระองค์ที่เราต้องคืนกลับ)
อย่าส่งเสียงร้องไห้เศร้าโศกเสียใจถึงผู้ตาย แต่หากน้ำตาไหลออกมาเพราะความเสียใจ อิสลามถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติทางจิตใจของมนุษย์ ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่า "ใครก็ตามที่ตบหน้าตัวเอง หรือร้องไห้คร่ำครวญเหมือนพวกบูชารูปปั้น คนผู้นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา"
ทันทีที่ใครเสียชีวิต ให้ยืดแขนและขาของศพ ปิดตาของศพใช้ผ้ารัดคางไปผูกไว้เหนือศีรษะของศพและจัดปลายเท้าไว้ให้ชิดกัน หลังจากนั้น ให้ใช้ผ้าคลุมศพให้เรียบร้อยมิดชิด
ให้พูดถึงคุณความดีของผู้ตาย และหลีกเลี่ยงการพูดถึงสิ่งไม่ดีงามของผู้ตาย ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่า "จงเอ่ยถึงคุณงามความดีของผู้ตาย และจงนิ่งเงียบเสียในเรื่องความไม่ดีของผู้ตาย"
ให้เก็บความรู้สึกและอดกลั้นเมื่อญาติใกล้ชิดหรือคนสนิทต้องสิ้นชีวิตลง และจงอย่าตีโพยตีพาย โทษนั่นโทษนี่
จงรีบอาบน้ำให้แก่ศพ หากเป็นไปได้ ให้ใช้ใบพุทราใส่น้ำที่อาบศพจะเป็นการดี การอาบน้ำศพให้เริ่มต้นด้วยการนำศพมาวางบนที่อาบน้ำศพ หลังจากนั้นก็ให้ถอดเสื้อผ้าของศพและใช้ผ้าปิดส่วนล่างของศพไว้ คนที่จะอาบน้ำศพให้ใช้ผ้าพันมือไว้แล้วถูทำความสะอาดส่วนที่พึงปกปิดของศพทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยระวังอย่าให้ผ้าที่ปกปิดศพต้องหลุดออก หลังจากนั้นก็ให้ใช้น้ำทำความสะอาดศพตามขั้นตอนของการอาบน้ำนมาซ โดยไม่จำเป็นต้องเอาน้ำใส่ปากและจมูกของศพ ในขณะที่อาบน้ำศพให้ปิดรูหู และรูจมูกของศพไว้ด้วยสำลีเพื่อกันน้ำมิให้เข้าไป หลังจากนั้นก็ให้ใช้สบู่ หรือแชมพูสระผมให้แก่ศพ พลิกศพไปทางด้านซ้ายแล้วราดน้ำจากทางด้านขวาโดยราดตั้งแต่หัวจดเท้า หลังจากนั้นก็พลิกศพไปด้านขวาแล้วราดน้ำศพจากทางด้านซ้ายตั้งแต่หัวจดเท้า เสร็จแล้วให้เอาผ้าที่เปียกน้ำออกและใช้ผ้าแห้งห่อศพแทน ขณะเปลี่ยนผ้าให้แก่ศพนั้นจะต้องระวังไม่ให้ส่วนที่พึงสงวนของศพต้องเปิดเผย เพราะศพก็มีความละอายเหมือนกับคนปกติเช่นกัน เมื่อห่อศพเรียบร้อยแล้วก็ให้ยกศพวางไว้ในโลง การปฏิบัติต่อศพทุกขั้นตอนจะต้องกระทำอย่างนุ่มนวล
ให้ใช้ผ้าสีขาวคุณภาพปานกลางเป็นผ้าห่อศพ สำหรับผู้ชาย ให้ใช้ผ้า 3 ผืน ผืนหนึ่งห่อส่วนล่างของศพ อีกผืนหนึ่งห่อส่วนบน อีกผืนหนึ่งใช้ห่อทั้งตัว ดังนั้น ผ้าที่ใช้ห่อทั้งตัวจึงควรยาวกว่าตัวศพ ทั้งนี้เพื่อที่เมื่อห่อศพแล้วจะสามารถผูกผ้าปิดเหนือหัว และใต้เท้าของศพได้ ส่วนกว้างของผ้าก็ต้องให้พอที่จะห่อศพได้มิดชิด ส่วนศพของผู้หญิงให้ใช้ผ้า 5 ผืน โดยอีก 2 ผืนที่เพิ่มขึ้นมานั้น ผืนหนึ่งใช้คลุมศีรษะเพื่อปิดผม และอีกผืนหนึ่งใช้ห่อร่างกายจากใต้รักแร้ถึงหัวเข่า
เมื่อแบกศพไปยังสุสาน ให้ก้าวเท้าให้เร็ว มีคนเคยถามท่านศาสดามุฮัมมัดว่า ในขณะที่แบกศพไปยังสุสานนั้น ควรจะเดินอย่างไร ท่านศาสดาได้ตอบว่า "จงก้าวเท้าให้เร็ว ถ้าหากผู้ตายเป็นคนดี ก็จงแบกเขาไปสู่จุดหมายปลายทางที่ดีอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเขาเป็นคนชั่ว ก็จงรีบขจัดความชั่วของเขาออกไปจากท่ามกลางพวกท่าน"
โดยปกติแล้ว เมื่อมีการตายเกิดขึ้น หลักการอิสลามได้กำหนดให้รีบจัดการฝังศพโดยเร็วที่สุดภายในวันเดียว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนที่อยู่ข้างหลัง
ให้เดินไปส่งศพที่สุสาน ครั้งหนึ่ง เมื่อท่านศาสดามุฮัมมัดเดินร่วมไปกับขบวนศพ ท่านได้เห็นบางคนขี่สัตว์ร่วมขบวนไปด้วย ท่านจึงได้กล่าวตำหนิว่า "ไม่รู้สึกอายตัวเองบ้างหรือ มลาอิก๊ะฮฺเอง ก็ยังเดินไปส่งศพในขณะที่พวกท่านนั่งไปบนหลังสัตว์" อย่างไรก็ตาม หลังจากฝังศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะใช้พาหนะใดเดินทางกลับก็ได้
เมื่อเห็นขบวนศพกำลังมุ่งมาทางเรา จงลุกขึ้นยืน และถ้าหากไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมขบวนศพ ก็ควรจะคอยให้ขบวนศพผ่านไปสักระยะหนึ่งเสียก่อน จึงค่อยเริ่มเดินทางต่อ หรือทำกิจกรรอย่างอื่น
ท่านศาสดามุฮัมมัดได้สั่งถึงเรื่องนี้ไว้ว่า "จงยืนขึ้นเมื่อเห็นขบวนศพตรงมา คนที่ร่วมมากับขบวนศพไม่ควรจะนั่งลงจนกว่าแคร่หามศพจะถูกวางลงบนพื้นเสียก่อน"
จงร่วมนมาซให้แก่ศพ และหากทำได้ ควรจะมีส่วนร่วมในการช่วยแบกแคร่ หรือโลงศพด้วย ท่านศาสดามุฮัมมัดได้กล่าวว่า "มุสลิมทุกคนมีหน้าที่จะต้องต้องเข้าร่วมขบวนศพของมุสลิม" และยังได้กล่าวอีกว่า "คนที่เข้าร่วมในขบวนศพและนมาซให้แก่ศพจะได้รับรางวัลตอบแทนเท่ากับหนึ่งกะรัต และคนที่เข้าร่วมการฝังศพด้วย หลังจากที่นมาซให้แก่ศพแล้วจะได้รับรางวัลเท่ากับสองกะรัต" มีคนถามท่านถึงขนาดของกะรัต ท่านได้ตอบว่า "เท่ากับน้ำหนักของภูเขาสองลูก"
การขุดหลุมฝังศพให้ขุดเป็นแนวยาวจากเหนือไปใต้ เมื่อนำศพลงหลุมแล้ว จัดศพให้นอนตะแคงขวาโดยให้ศพหันหน้าไปทางกิบละฮฺ (ก๊ะอฺบ๊ะฮฺซึ่งตั้งอยู่ที่นครมักก๊ะฮฺ)
เมื่อศพถูกหย่อนลงหลุม ให้กล่าวว่า "บิสมิลลาฮิ วะอะลา มิลละติ ร่อซูลิลลาฮฺ" (ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ตามแนวทางของผู้ปฏิบัติตามรอซูลของอัลลอฮฺ)
การกลบหลุมศพให้เริ่มใช้ดินกลบตั้งแต่ด้านหัวของศพ แล้วค่อยใช้มือกอบดินโยนลงไปในหลุมศพ หากท่านต้องการจะมีส่วนร่วมในการฝัง ให้โยนดินลงหลุมฝังศพ 3 ครั้ง โดยครั้งแรกให้กล่าวว่า "มินฮา คอลักนากุม" (จากดินนี้ที่เราสร้างพวกเจ้ามา) โดยครั้งที่สองให้กล่าวว่า "วะฟีฮา นุอีดุกุม" (และในดินนี้ที่เราได้นำเจ้ากลับมา) และเมื่อโยนครั้งที่สาม ให้กล่าวว่า "วะมินฮา นุคริญุกุม ตะรอตันอุครอ" (และจากดินนี้ เราจะฟื้นคืนชีพเจ้าขึ้นมาอีก)
อย่ากลบหลุมฝังศพให้สูงมาก และอย่าทำให้หลุมฝังศพเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ให้กลบหลุมฝังศพด้วยปริมาณดินที่ขุดขึ้นมา นอกจากนี้แล้ว จะต้องไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในการฝังศพ เช่น การประดับโลงหรือหลุมศพให้หรูหราด้วยดอกไม้หรือพวงหรีด
หากครอบครัวของผู้เสียชีวิตประสบความทุกข์โศกและเดือดร้อน ให้นำอาหารไปช่วยครอบครัวของผู้เสียชีวิตสักมื้อ หรือสองมื้อ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระของครอบครัวผู้เสียชีวิต
อย่าแสดงความทุกข์โศกให้แก่ผู้ตายเกิน 3 วัน เพราะความตายเป็นความจริงแห่งชีวิต อย่างไรก็ตาม สำหรับหญิงที่สามีเสียชีวิตนั้น ระยะเวลาที่หลักการอิสลามกำหนดไว้สำหรับการสำรวมตนต่อการจากไปของสามีก็คือ 4 เดือนกับอีก 10 วัน ซึ่งในช่วงเวลานี้ เธอจะต้องไม่แต่งตัวสวยงามและแสดงความรื่นเริงใด ๆ ทั้งสิ้น
อิสลามไม่ห้ามมุสลิมไปงานศพของต่างศาสนิก ถ้าหากการไปนั้นเพื่อเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจ หรือให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และมิได้เข้าร่วมในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การประนมมือขณะพระเทศน์ การจุดเทียนไหว้ศพ หรือการเผาศพ เป็นต้น

     
ติดต่อ webmaster : dee_krabz@hotmail.com          © Khundee Lamsub (ขุนดี หลำสุบ)
ม.4/3
ม.4/2
ม.4/1
ม.3/4
ม.3/3
ม.3/2
ม.3/1
ม.2/4
ม.2/3
ม.2/2
ม.2/1
ม.1/4
ม.1/3
ม.1/2
ม.1/1