ท่านศาสดาเริ่มต้นด้วยการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าขอบคุณพระองค์แล้วท่านก็กล่าวสุนทรพจน์ดังต่อไปนี้
:
"โอ้... ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจฟังคำพูดของฉันเพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะได้พบกับท่านในโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อไร
โอ้ท่านทั้งหลายชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นสิ่งที่คนหนึ่งคนใดจะมาล่วงละเมิดมิได้
จนกว่าพวกท่านจะได้พบกับผู้อภิบาล เสมือนกับวันที่บริสุทธิ์นี้ และเดือนนี้เป็นเวลาที่ต้องห้ามสำหรับพวกท่านทั้งหลาย
พวกท่านทั้งหลายจะต้องได้รับการสอบสวนจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านในกิจการงานทุกอย่างที่พวกท่านได้กระทำไว้"
"โอ้... ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านทั้งหลายมีสิทธิที่ได้รับมอบหมายเหนือฝ่ายสตรี
และฝ่ายสตรีก็มีสิทธิเหนือฝ่ายชายเช่นกันในหน้าที่ที่ท่านได้รับมอบหมาย
ดังนั้นพวกท่านจงได้ปกป้องดูแลภรรยาของพวกท่านด้วยความรักความเมตตาเถิด
แน่นอนใครที่ทำได้นั้นก็เท่ากับเขาได้ปกป้องดูแลภรรยาของเขาไว้ให้อยู่ในความพิทักษ์รักษาของพระผู้เป็นเจ้า
พวกท่านทั้งหลายจงรักษาความศรัทธาเชื่อมั่นให้คงไว้ในจิตใจของพวกท่านและจงหลีกเลี่ยงออกห่างจากเรื่องบาบกรรมชั่ว
ดอกเบี้ยเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับลูกหนี้ให้ส่งคืนเฉพาะเงินในจำนวนเงินที่ยืมมาและเรื่องของดอกเบี้ยจำเป็นต้องถูกยกเลิก"
นับแต่นี้ต่อไป เรื่องของการแก้แค้นทดแทนกันด้วยเลือด
เช่น ในสมัยของยุคป่าเถื่อนเป็นเรื่องต้องห้าม การอาฆาตจองล้างจองผลาญกันด้วยเลือดต้องสิ้นสุดกันเสียที
"โอ้... ประชาชนทั้งหลาย บรรดาข้าทาสคนใช้ของพวกท่านที่อยู่ในความดูแลของพวกท่านนั้นจงเลี้ยงดูพวกเขา
เช่น อาหารที่พวกท่านรับประทาน และให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขาด้วยเครื่องนุ่งห่มที่พวกท่านใช้
หากพวกเขาได้กระทำในสิ่งที่เป็นความผิดพลาดชนิดที่ท่านไม่ปราถนาที่จะอภัยให้พวกเขา
ก็จงแยกทางกับเขาเสีย อย่าทำร้ายเฆี่ยนตีทำทารุณพวกเขา เพราะเขาต่างก็เป็นบ่าวของพระองค์เช่นเดียวกัน"
"โอ้... ประชาชนทั้งหลาย มารร้ายนั้นได้หมดสิ้นความหวังทั้งมวลที่จะได้รับการเคารพบูชาในดินแดงของพวกท่านแล้ว
แต่กระนั้นก็ตามมันยังเป็นห่วงที่จะกำหนดการกระทำอันต่ำต้อยของพวกท่านอยู่
เพราะฉะนั้นจงระวังมันไว้เถิด เพื่อความปลอดภัยแห่งตัวท่านและศาสดาของพวกท่าน"
"โอ้... ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านจงรำลึกและจดจำในสิ่งที่ฉันพูด
พวกท่านต้องรำลึกเสมอว่ามุสลิมทุกคนนั้นมีฐานะเป็นพี่น้องกัน พวกท่านทั้งหลายต่างมีความเท่าเทียมกัน
และขอให้ทุกคนมีความพอใจในสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบที่เรามีอยู่เสมอหน้ากัน
พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่เป็นสมาชิกของสังคมพี่น้องเดียวกัน จงปกป้องตัวของท่านให้ห่างไกลจากความอยุติธรรมในทุกกรณี
ขอให้บุคคลที่อยู่ที่นี้จงนำสิ่งที่ได้ยินจากฉันไปบอกเล่าแก่บุคคลที่เขาไม่ได้มาอยู่
ณ ที่นี้ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคนที่ไม่ได้รับการบอกเล่านั้นอาจมีความจดจำได้ดีกว่าบุคคลที่ได้ยินไปจากฉันโดยตรงก็เป็นได้
และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเขาต้องประสบความผิดหวัง"
"โอ้... ผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องจากพวกท่านไปแล้ว
พวกท่านจงอย่าได้หันกลับไปต่อสู้เป็นศัตรูหลั่งเลือดกัน เหมือนอย่างเช่นสมัยแห่งความโง่เขลาดังที่ได้ผ่านมา
แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านทั้งหลาย ซึ่งหากพวกท่านยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว
ท่านทั้งหลายจะไม่หลงออกไปสู่แนวทางที่เหลวไหลเป็นอันขาด สิ่งนั้นคือ
อัลกุรอ่าน และซุนนะห์ของฉัน"
"โอ้... ศรัทธาชนทั้งหลาย แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านนั้นมีพระองค์เดียว
ต้นตระกูลของพวกท่านก็สืบมาจากเชื้อสายเดียวกัน นั่นคือ อาดัม และอาดัมนั้นถูกสร้างมาจากดิน
แท้จริงผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่สูเจ้านั้นคือ ผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮมากที่สุด
คนอาหรับก็หาใช่จะเป็นคนดีเลิศเหนือคนชาติอื่นๆ นอกจากพวกเขาจะมีความยำเกรงมากกว่าเท่านั้น"
"โอ้... ท่านทั้งหลาย จงสดับฟังถ้อยคำของฉันให้ดี
จงรู้เถิดว่ามวลมุสลิมนั้นย่อมเป็นพี่น้องกัน และจงรู้เถิดว่าบรรดามุสลิมก็คือภราดรภาพอันหนึ่งอันเดียวกัน
ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของพี่น้องมุสลิมด้วยกันจะเป็นของมุสลิมโดยถูกต้อง
นอกจากว่าเขาผู้นั้นจะให้โดยเต็มใจและไม่คิดมูลค่าเพราะฉะนั้นจงอย่ากระทำการอยุติธรรมต่อตัวของท่านเอง"
และท่านได้อ่านโองการจากคัมภีร์อัลกุรอ่าน
ซูเราะฮ อัลมาอิดะฮ อายะฮที่ 4 ซึ่งมีข้อความว่า "ในวันนี้(วันแห่งการทำฮัจย์ครั้งสุดท้ายของท่านนบี
(ซล.) ข้าได้ให้ศาสนาของพวกเจ้า (อันประกอบด้วยบัญญัติใช้และห้าม)
ไว้อย่างครบครันแก่พวกเจ้า (ซึ่งหลังจากนี้จะไม่มีโองการที่ว่าด้วยการใช้และห้าม
ประทานลงมาอีก) และข้าได้มอบพระกรุณาธิคุณของข้าให้แก่พวกเจ้าไว้อย่างครบถ้วน
และข้ายินดีเลือกเฟ้นให้ ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาของพวกเจ้า"